เมื่อพูดถึง “ไขมัน” หลายคนอาจขมวดคิ้วด้วยความกังวล หรือคุณเคยถูกสอนมาตลอดว่า ‘ไขมันคือตัวร้าย’ ที่เราควรหลีกเลี่ยงหรือไม่คะ?
แท้จริงแล้ว ความเชื่อนั้นอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความจริง! เพราะไม่ใช่ไขมันทุกชนิดที่อันตรายต่อสุขภาพ แต่ในทางกลับกัน “ไขมันดี” (Healthy Fats) นั้นเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างยิ่ง และมักถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย
ไขมันดีเปรียบเสมือนเพื่อนแท้ที่ไม่เคยทอดทิ้ง เพราะมันมีบทบาทสำคัญมากมาย ตั้งแต่ช่วยในการดูดซึมวิตามินที่สำคัญ ให้พลังงานแก่ร่างกายอย่างยาวนาน บำรุงสมองและผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ลดการอักเสบภายใน และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
ไขมันไม่ใช่ผู้ร้าย: ภารกิจสำคัญของ ‘ไขมันดี’ ในร่างกาย
เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมเราถึงควรโอบรับไขมันดีเข้ามาในชีวิตประจำวัน ลองมาดูกันว่า “ไขมันดี” มีภารกิจสำคัญอะไรในร่างกายของเราบ้าง:
- แหล่งพลังงานชั้นดี: ไขมันดีให้พลังงานแก่ร่างกายอย่างยาวนานและเสถียร ต่างจากคาร์โบไฮเดรตบางชนิดที่ให้พลังงานแบบรวดเร็วแล้วหมดไป ทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้นและมีแรงทำกิจกรรมตลอดวัน
- ช่วยดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน: วิตามิน A, D, E, K ล้วนต้องการไขมันเป็นตัวกลางในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย หากขาดไขมันดี ร่างกายก็จะดูดซึมวิตามินเหล่านี้ได้ไม่เต็มที่ ทำให้ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน
- บำรุงสมองและระบบประสาท: สมองของเรามีไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญถึง 60% ไขมันดีจึงเป็นเชื้อเพลิงและโครงสร้างสำคัญที่ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บำรุงความจำ และส่งเสริมระบบประสาทให้ทำงานได้ดี
- สร้างฮอร์โมนและเซลล์ต่างๆ: ไขมันดีมีบทบาทสำคัญในการสร้างฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายหลายชนิด รวมถึงเป็นส่วนประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์ทั่วร่างกาย ทำให้เซลล์แข็งแรงและทำงานได้ตามปกติ
- ลดการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน: โดยเฉพาะกลุ่ม Omega-3 ที่พบในไขมันดี มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคเรื้อรังหลายชนิด และยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอีกด้วย
- ดูแลสุขภาพผิวพรรณและเส้นผม: ไขมันดีช่วยให้ผิวพรรณของเราชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และเส้นผมแข็งแรงมีน้ำหนักจากภายในสู่ภายนอก ลดปัญหาผิวแห้งกร้านหรือผมเสีย
เห็นไหมคะว่า “ไขมันดี” ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่กลับเป็นสารอาหารที่มีคุณค่ามหาศาลต่อสุขภาพของเราค่ะ
เปิดโผ 4 น้ำมันสุขภาพ พลังงานดีที่ชีวิตประจำวันขาดไม่ได้
ได้เวลาทำความรู้จักกับ 4 น้ำมันสุขภาพที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลตัวเองจากภายในสู่ภายนอกกันแล้วค่ะ
น้ำมันชนิดที่ 1: น้ำมันมะกอก (Extra Virgin Olive Oil)
- คุณสมบัติเด่น: อุดมไปด้วย ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fat) ซึ่งเป็นไขมันดีที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระ (Polyphenols) ที่ทรงพลัง
- ประโยชน์:
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ลดการอักเสบในร่างกาย
- บำรุงสุขภาพผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง
- ช่วยปรับสมดุลคอเลสเตอรอลในเลือด
- วิธีใช้ในชีวิตประจำวัน:
- เหมาะสำหรับใช้ ราดบนสลัดผัก ซุป หรือพาสต้า เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่า
- ใช้ จิ้มกับขนมปัง แทนเนย
- ใช้ ผัดหรือทอดที่ไม่ใช้ความร้อนสูงมาก เช่น การผัดเร็วๆ หรือปรุงอาหารแบบเบาๆ (ข้อควรระวัง: น้ำมันมะกอก Extra Virgin มีจุดเกิดควันต่ำ ไม่เหมาะกับการทอดแบบ Deep-fry หรือใช้ความร้อนสูงมากเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้สารอาหารเสื่อมสภาพและเกิดสารไม่พึงประสงค์ได้)
- ใช้ทำซอส หรือน้ำสลัดโฮมเมด
น้ำมันชนิดที่ 2: น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil)
- คุณสมบัติเด่น: โดดเด่นด้วย กรดไขมันสายกลาง (MCTs – Medium Chain Triglycerides) โดยเฉพาะกรดลอริก ซึ่งแตกต่างจากไขมันทั่วไปที่มักเป็นกรดไขมันสายยาว ทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที
- ประโยชน์:
- ช่วย เพิ่มพลังงาน และส่งเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญ
- มีคุณสมบัติ ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา ด้วยกรดลอริก
- ช่วย บำรุงผมและผิว ให้มีสุขภาพดี (ทั้งการรับประทานและการใช้ภายนอก)
- อาจช่วยควบคุมน้ำหนักได้ในบางกรณี เนื่องจากเพิ่มการเผาผลาญ
- วิธีใช้ในชีวิตประจำวัน:
- ใช้ ปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนปานกลางถึงสูง เช่น ผัด ทอด หรืออบ เนื่องจากมีจุดเกิดควันค่อนข้างสูงและเสถียรต่อความร้อน
- ผสมในกาแฟ (รู้จักกันในชื่อ Bulletproof coffee) เพื่อเพิ่มพลังงานและช่วยให้อิ่มนาน
- ใช้ กลั้วปาก (Oil Pulling) เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี
- ใช้ บำรุงผิวและเส้นผมภายนอก เช่น หมักผม หรือทาบำรุงผิวที่แห้งกร้าน
น้ำมันชนิดที่ 3: น้ำมันอะโวคาโด (Avocado Oil)
- คุณสมบัติเด่น: มีปริมาณ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง คล้ายกับน้ำมันมะกอก แต่มีข้อได้เปรียบที่สำคัญคือ จุดเกิดควันสูง (High Smoke Point) ทำให้ทนความร้อนได้ดีเยี่ยม
- ประโยชน์:
- ช่วย ลดคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลดี (HDL)
- มี ลูทีน (Lutein) ซึ่งเป็นสารสำคัญในการ บำรุงสายตา
- ช่วยให้ร่างกาย ดูดซึมสารอาหาร จากผักและผลไม้ได้ดีขึ้น
- เหมาะกับการปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูง จึงไม่เกิดสารพิษจากการไหม้
- วิธีใช้ในชีวิตประจำวัน:
- เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับ การทอด อบ ปิ้งย่าง ที่ใช้ความร้อนสูง
- ใช้ทำน้ำสลัด มายองเนสโฮมเมด หรือซอสต่างๆ
- ใส่ในสมูทตี้เพื่อเพิ่มไขมันดีและเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม
- ใช้หมักเนื้อสัตว์ หรือเป็นส่วนผสมในน้ำจิ้ม
น้ำมันชนิดที่ 4: น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ / น้ำมันคาโนล่าสกัดเย็น / น้ำมันงาขี้ม้อน (แหล่ง Omega-3 จากพืช)
- คุณสมบัติเด่น: เป็นแหล่งสำคัญของ กรดไขมัน Omega-3 ALA (Alpha-Linolenic Acid) จากพืช ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากการบริโภค
- ประโยชน์:
- ช่วย ลดการอักเสบ ทั่วร่างกาย
- บำรุงสมอง และส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท
- ดูแล สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ให้แข็งแรง
- ช่วย บำรุงผิวพรรณ ให้ชุ่มชื้นและแข็งแรง
- วิธีใช้ในชีวิตประจำวัน:
- สำคัญมาก: ห้ามใช้ความร้อนเด็ดขาด! เพราะ Omega-3 จะเสื่อมสภาพและอาจเกิดสารไม่พึงประสงค์ได้เมื่อโดนความร้อนสูง
- เหมาะสำหรับ ราดบนโยเกิร์ต ซีเรียล ข้าวโอ๊ต หรือสมูทตี้
- ผสมในน้ำผลไม้ หรือน้ำซุปที่อุ่นแล้ว (ไม่ใช่ร้อนจัด)
- ใช้ทำน้ำสลัดเย็น
- สามารถทานเสริมโดยตรงในรูปแคปซูล หรือแบบน้ำ (ตามคำแนะนำข้างฉลาก)
ฉลาดเลือก ฉลาดใช้: กุญแจสู่การได้รับประโยชน์เต็มที่
การมีน้ำมันสุขภาพดีอยู่ในครัวยังไม่พอ เราต้องรู้เคล็ดลับในการเลือกซื้อและจัดเก็บเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดด้วยค่ะ
- การเลือกซื้อ:
- มองหาคำว่า “Extra Virgin” (สำหรับน้ำมันมะกอก), “Cold-Pressed” (สกัดเย็น) หรือ “Unrefined” (ไม่ผ่านการกลั่น) ซึ่งบ่งบอกถึงการแปรรูปน้อยที่สุด คงไว้ซึ่งสารอาหาร
- เลือกน้ำมันที่บรรจุใน ขวดแก้วทึบแสง หรือภาชนะที่ไม่โปร่งใส เพื่อป้องกันแสงแดดทำลายสารอาหาร
- ตรวจสอบ วันหมดอายุ และแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือเสมอ
- หากเป็นไปได้ เลือกแบบ “Organic” เพื่อหลีกเลี่ยงสารเคมี
- การจัดเก็บ:
- เก็บน้ำมันในที่แห้ง เย็น และพ้นจากแสงแดดโดยตรง
- ปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อป้องกันอากาศและความชื้น
- น้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันแฟลกซ์ อาจต้องเก็บในตู้เย็นหลังจากเปิดใช้ เพื่อรักษาคุณภาพ
- จุดเกิดควัน (Smoke Point):
- ทำความเข้าใจ “จุดเกิดควัน” ของน้ำมันแต่ละชนิด คืออุณหภูมิที่น้ำมันเริ่มแตกตัวและเกิดควัน ซึ่งบ่งบอกว่าไม่ควรใช้น้ำมันนั้นที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดเกิดควัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสารอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย
- เลือกใช้น้ำมันให้ เหมาะกับประเภทการปรุงอาหาร เช่น น้ำมันอะโวคาโดเหมาะกับทอด/อบ ส่วนน้ำมันแฟลกซ์ต้องไม่โดนความร้อนเลย
- หลักการ “พอดี”:
- แม้จะเป็นไขมันดี แต่ก็ยังคงเป็นไขมันที่มีแคลอรี่สูง ควรบริโภคใน ปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป เพื่อรักษาสมดุลของพลังงานในร่างกาย
ลงทุนกับไขมันดี คือลงทุนกับสุขภาพดีระยะยาว
“กินดี มีชัยไปกว่าครึ่ง!” แนวคิดนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดสวยหรู แต่คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต นั่นคือการลงทุนกับสุขภาพของตัวเราเองค่ะ
การทำความเข้าใจและเลือกใช้ ไขมันดี โดยเฉพาะน้ำมันสุขภาพทั้ง 4 ชนิดที่เราได้แนะนำไป ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันมะกอก, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันอะโวคาโด, หรือน้ำมันกลุ่ม Omega-3 จากพืช คือการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมได้อย่างมหาศาล
เริ่มต้นวันนี้เลยนะคะ ลองสำรวจครัวของคุณ และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเหล่านี้ในการปรุงอาหาร หรือเพิ่มลงในเมนูประจำวันของคุณ สุขภาพที่ดีไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เริ่มต้นที่จานอาหารของเราค่ะ
ขอให้คุณมีความสุขกับการมีสุขภาพที่แข็งแรงและเต็มไปด้วยพลังในทุกๆ วันนะคะ!
ดูแลไขมันในเลือด
KENKI CURUCUMIN GUMMY วิตามินกัมมี่ รวมสารสกัดจากผงขมิ้นชันและพริกไทย
สมองและหัวใจ
amfy อัมฟาย Oil Complex น้ำมันสกัดเย็น 4 ชนิด ดูแลหัวใจและหลอดเลือด
ผลิตภัณฑ์ดูแลผม
Deep Revitalizing HYA Concentrated serum CUphar
1,590.00฿Original price was: 1,590.00฿.1,520.00฿Current price is: 1,520.00฿.ระบบย่อยอาหาร
Tetrabiotics ProbioKhlear โปรไบโอติกส์เภสัชจุฬา
1,490.00฿Original price was: 1,490.00฿.1,450.00฿Current price is: 1,450.00฿.