เมล็ดองุ่นและอะโวคาโดช่วยลดริ้วรอยได้จริงหรือไม่

ในยุคที่กระแสการดูแลสุขภาพและความงามแบบธรรมชาติมาแรงแซงทุกโค้ง เรามักจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของสารสกัดจากพืชพรรณธรรมชาติมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมล็ดองุ่น และ อะโวคาโด ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” ที่ไม่เพียงดีต่อสุขภาพกายโดยรวม แต่ยังเป็นมิตรแท้ต่อผิวสวยของเราอีกด้วยค่ะ/ครับ หลายคนอาจเคยเห็นส่วนผสมเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวราคาแพง หรือได้ยินคำแนะนำให้รับประทานเพื่อบำรุงผิวจากภายใน

ความเชื่อที่ว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่นและอะโวคาโดสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลงได้นั้นแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้เป็นที่นิยมอย่างมากในตลาด ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม, เซรั่ม, หรือครีมบำรุงผิวหน้า

Table of Contents

เมล็ดองุ่น: สุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ?

เมื่อพูดถึงเมล็ดองุ่น หลายคนอาจนึกถึงแค่ของเหลือทิ้งจากการรับประทานองุ่น แต่แท้จริงแล้ว เมล็ดเล็ก ๆ เหล่านี้กลับอุดมไปด้วยขุมทรัพย์แห่งสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมากค่ะ/ครับ

สารสำคัญในเมล็ดองุ่น

  • Proanthocyanidins (OPCs): นี่คือดาวเด่นของเมล็ดองุ่นเลยค่ะ/ครับ OPCs เป็นสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ว่ากันว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามิน C ถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามิน E ถึง 50 เท่าในการปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ
  • วิตามิน E: สารต้านอนุมูลอิสระที่รู้จักกันดี ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายของเซลล์
  • Flavonoids อื่นๆ: นอกจาก OPCs แล้ว ยังมีฟลาโวนอยด์ชนิดอื่น ๆ ที่ทำงานร่วมกันเพื่อเสริมฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระ

กลไกการทำงานที่กล่าวอ้างในการลดริ้วรอย

สารประกอบเหล่านี้ในเมล็ดองุ่นถูกคาดหวังว่าจะช่วยลดริ้วรอยผ่านกลไกดังต่อไปนี้:

  • การปกป้องคอลลาเจนและอีลาสตินจากการถูกทำลาย: อนุมูลอิสระคือตัวร้ายสำคัญที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่ทำให้ผิวเต่งตึงและยืดหยุ่น การที่เมล็ดองุ่นมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยลดการทำลายและรักษาโครงสร้างผิวให้แข็งแรงค่ะ/ครับ
  • การลดการอักเสบในผิวหนัง: การอักเสบเรื้อรังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เร่งให้เกิดริ้วรอย สารในเมล็ดองุ่นอาจมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ ลดความแดงและอาการระคายเคืองของผิว
  • การส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น: การไหลเวียนโลหิตที่ดีนำพาออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้ทั่วถึง ทำให้ผิวดูสดใสและมีสุขภาพดี

หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และผลการวิจัย

ฟังดูน่าทึ่งใช่ไหมคะ/ครับ? แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าอย่างไรบ้าง?

  • งานวิจัยในหลอดทดลอง (In vitro studies) และในสัตว์ทดลอง: มีผลการศึกษาจำนวนมากที่ยืนยันว่า OPCs ในเมล็ดองุ่นมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและปกป้องคอลลาเจนได้จริงในระดับเซลล์และในสัตว์ทดลอง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีและเป็นพื้นฐานของการศึกษาต่อไป
  • งานวิจัยในมนุษย์: สำหรับการศึกษาในมนุษย์ แม้จะมีงานวิจัยบางชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการรับประทานสารสกัดเมล็ดองุ่นต่อสุขภาพผิวโดยรวม เช่น ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว ลดความเสียหายจากแสงแดด แต่งานวิจัยที่ชี้ชัดว่าสามารถ “ลดริ้วรอย” ที่เกิดขึ้นแล้วได้อย่างมีนัยสำคัญโดยตรงยังค่อนข้างจำกัดและเป็นงานวิจัยเบื้องต้นที่ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมในวงกว้างและระยะยาวค่ะ/ครับ
  • การใช้ในรูปแบบอาหารเสริม vs. การทาเฉพาะที่: ทั้งสองรูปแบบมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน การรับประทานอาหารเสริมเน้นการบำรุงจากภายใน ส่วนการทาเฉพาะที่เป็นการดูแลจากภายนอก ซึ่งผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามการซึมซาบและการออกฤทธิ์ของสาร

ข้อควรระวังและข้อจำกัด

  • ปริมาณที่เหมาะสม, การดูดซึมเข้าร่างกาย (Bioavailability): การรับประทานเมล็ดองุ่นโดยตรงอาจไม่ได้รับสารสำคัญเท่าสารสกัดเข้มข้น และการที่ร่างกายจะดูดซึมสาร OPCs ไปใช้ประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหนก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา
  • ความแตกต่างระหว่างสารสกัดเข้มข้น vs. การรับประทานเมล็ดองุ่นโดยตรง: สารสกัดมักจะมีความเข้มข้นสูงกว่าเมล็ดองุ่นทั้งเมล็ด ซึ่งอาจให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องปริมาณที่เหมาะสม
  • งานวิจัยที่ยังจำกัดหรือต้องการการศึกษาเพิ่มเติม: แม้จะมีแนวโน้มที่ดี แต่การสรุปผลว่าเมล็ดองุ่นสามารถลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพในมนุษย์ยังคงต้องรอการยืนยันจากงานวิจัยขนาดใหญ่และมีความน่าเชื่อถือสูงขึ้นค่ะ/ครับ

อะโวคาโด ไขมันดีเพื่อผิวสวย

อะโวคาโด ผลไม้เนื้อนุ่มมันที่หลายคนโปรดปราน ไม่ได้มีดีแค่รสชาติอร่อย แต่ยังอัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณของเราอย่างเหลือเชื่อเลยค่ะ/ครับ

สารอาหารสำคัญในอะโวคาโด

  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fats): เป็นไขมันดีที่ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น
  • วิตามิน E (Tocopherol): สารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยมที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระและรังสียูวี
  • วิตามิน C (Ascorbic Acid): วิตามินนี้เป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นด้วยค่ะ/ครับ
  • แคโรทีนอยด์ (Lutein, Zeaxanthin): สารพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายของแสงแดด
  • ไบโอติน (Biotin): วิตามินบีที่สำคัญต่อสุขภาพของผิว ผม และเล็บ

กลไกการทำงานที่กล่าวอ้างในการลดริ้วรอย

อะโวคาโดเชื่อว่ามีส่วนช่วยในการชะลอการเกิดริ้วรอยผ่านกลไกเหล่านี้ค่ะ/ครับ:

  • การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวจากภายในสู่ภายนอก: ไขมันดีในอะโวคาโดช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวดูอิ่มฟูและริ้วรอยดูตื้นขึ้น
  • การช่วยลดการอักเสบ: สารต้านอนุมูลอิสระและไขมันดีมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพผิวโดยรวม
  • การปกป้องผิวจากความเสียหายของรังสี UV: วิตามิน E และแคโรทีนอยด์ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดผลกระทบจากการถูกทำลายของผิวหนังจากแสงแดด ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
  • การสนับสนุนการสร้างคอลลาเจน: วิตามิน C ที่มีอยู่ในอะโวคาโดเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสังเคราะห์คอลลาเจน ช่วยให้ผิวคงความยืดหยุ่นและลดการเกิดริ้วรอยใหม่ ๆ

หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และผลการวิจัย

  • ประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมของไขมันดีและวิตามินต่างๆ: มีงานวิจัยจำนวนมากที่ยืนยันถึงประโยชน์ของไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว, วิตามิน E และ C ต่อสุขภาพโดยรวม ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพผิวด้วย
  • งานวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ต่อผิวหนังโดยรวม: มีการศึกษาบางชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าการรับประทานอะโวคาโดเป็นประจำอาจช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว และช่วยลดความเสียหายจากแสงแดดได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยที่มุ่งเน้นไปที่การ “ลดริ้วรอยโดยเฉพาะ” จากการรับประทานอะโวคาโดยังไม่ชัดเจนเท่าการกล่าวอ้างทั่วไป และมักจะอยู่ในบริบทของการดูแลสุขภาพผิวองค์รวมมากกว่าค่ะ/ครับ

ข้อควรระวังและข้อจำกัด

  • การรับประทานกับผลลัพธ์ที่ผิวหนัง (ผลลัพธ์ทางอ้อม): ประโยชน์ของอะโวคาโดต่อผิวส่วนใหญ่มาจากการรับประทาน ซึ่งเป็นการบำรุงจากภายใน และผลลัพธ์ที่ผิวหนังอาจไม่ได้เห็นผลทันทีทันใดหรือลบเลือนริ้วรอยได้อย่างชัดเจนเหมือนการทำหัตถการทางการแพทย์
  • การทาเฉพาะที่: น้ำมันอะโวคาโดมักใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งอาจช่วยในเรื่องการให้ความชุ่มชื้น บำรุงผิวให้เนียนนุ่ม และเสริมเกราะป้องกันผิวได้ดี แต่การซึมลึกเพื่อไปลดริ้วรอยลึก ๆ โดยตรงอาจมีข้อจำกัด เมื่อเทียบกับสารออกฤทธิ์บางชนิดที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยลดริ้วรอยได้ดีกว่า

เมล็ดองุ่นและอะโวคาโด กุญแจสู่การลดริ้วรอย หรือแค่ส่วนหนึ่งของปริศนา?

มาถึงช่วงสรุปกันแล้วค่ะ/ครับ หลังจากที่เราเจาะลึกทั้งเมล็ดองุ่นและอะโวคาโด เราก็พอจะมองเห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้นแล้วใช่ไหมคะ/ครับ?

การสังเคราะห์ข้อมูล

จากข้อมูลที่เราได้เรียนรู้ สรุปได้ว่าทั้งเมล็ดองุ่นและอะโวคาโดต่างก็อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณประโยชน์มหาศาลต่อสุขภาพโดยรวมของเรา และแน่นอนว่าย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพผิวด้วยเช่นกันค่ะ/ครับ โดยเฉพาะคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านการอักเสบ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการ “ชะลอ” หรือ “ป้องกัน” การเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้ ด้วยการปกป้องเซลล์ผิวและโครงสร้างคอลลาเจน/อีลาสตินจากการถูกทำลาย

ความจริงที่ต้องยอมรับ

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่เราทุกคนต้องยอมรับก็คือ ไม่มีอาหารหรือสารสกัดใด ๆ ที่เป็น “ยาวิเศษ” ที่จะสามารถลบเลือนริ้วรอยที่เกิดขึ้นแล้วได้อย่างหมดจดและทันตาเห็น เปรียบเสมือนการซ่อมแซมบ้านที่ทรุดโทรม อาหารและสารสกัดเหล่านี้อาจเป็นเหมือนการบำรุงรักษาโครงสร้างบ้านให้แข็งแรงขึ้น ชะลอความเสื่อมโทรม แต่ไม่สามารถลบเลือนรอยร้าวที่เกิดขึ้นไปแล้วให้หายไปได้ทั้งหมดค่ะ/ครับ

บทบาทของสารอาหารในบริบทที่กว้างขึ้น

เมล็ดองุ่นและอะโวคาโดเป็นเพียงจิ๊กซอว์ชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งในภาพรวมที่ใหญ่กว่าของการดูแลผิวให้สุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์ค่ะ/ครับ ผิวของเราได้รับผลกระทบจากปัจจัยมากมายในชีวิตประจำวัน ปัจจัยเหล่านี้ต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญในการคงความอ่อนเยาว์ของผิว:

  • การปกป้องผิวจากแสงแดด: นี่คือปัจจัยสำคัญที่สุดในการป้องกันริ้วรอยและจุดด่างดำ การทาครีมกันแดดเป็นประจำคือสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานที่สุดค่ะ/ครับ
  • การดื่มน้ำที่เพียงพอ: ผิวที่ชุ่มชื้นจากภายในจะดูอิ่มเอิบและยืดหยุ่นกว่า
  • การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: ร่างกายจะซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองในขณะที่เรานอนหลับ
  • การลดความเครียด: ความเครียดส่งผลต่อฮอร์โมนและกระบวนการอักเสบในร่างกาย ซึ่งไม่ดีต่อผิว
  • การไม่สูบบุหรี่: บุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างรุนแรง
  • การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย: การได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระจากผัก ผลไม้ และอาหารอื่น ๆ อย่างครบถ้วน
  • การดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม: การทำความสะอาด บำรุง และปกป้องผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับสภาพผิวและปัญหาผิว

การจัดการความคาดหวัง

ดังนั้น การรับประทานเมล็ดองุ่นและอะโวคาโดควรมองว่าเป็นการเสริมสร้างสุขภาพจากภายใน เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีโดยรวม ไม่ใช่การรักษาปัญหาริ้วรอยที่เกิดขึ้นแล้วโดยตรง การมีผิวที่สุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์ในระยะยาว คือผลลัพธ์ของการดูแลเอาใจใส่ในทุก ๆ ด้านค่ะ/ครับ

ข้อแนะนำในการดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก

เมื่อเราเข้าใจถึงบทบาทของเมล็ดองุ่นและอะโวคาโดอย่างถ่องแท้แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะนำความรู้นี้ไปปรับใช้ในการดูแลผิวของเราให้มีประสิทธิภาพที่สุดค่ะ/ครับ เพื่อผิวสวยที่ยั่งยืน ทั้งจากภายในและภายนอก

การรับประทานอาหาร

  • เมล็ดองุ่น: หากต้องการเน้นสารสำคัญ OPCs อาจพิจารณาเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดเมล็ดองุ่นที่มีคุณภาพและได้รับการรับรอง แต่หากต้องการรับประทานจากธรรมชาติ ก็สามารถรับประทานองุ่นทั้งผล (โดยเฉพาะส่วนของเมล็ด) ซึ่งมีไฟเบอร์และสารอาหารอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ หรือเลือกดื่มน้ำองุ่นคั้นสดที่ไม่เติมน้ำตาลค่ะ/ครับ
  • อะโวคาโด: ง่ายมาก ๆ ที่จะเพิ่มอะโวคาโดในมื้ออาหาร! ลองหั่นอะโวคาโดใส่ในสลัด, ทำแซนด์วิช, ปั่นสมูทตี้, หรือแม้แต่นำไปทำเป็นดิปสำหรับผักสดค่ะ/ครับ ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะอะโวคาโดให้พลังงานสูงจากไขมันดี
  • ความหลากหลายสำคัญที่สุด: อย่าลืมว่าผักและผลไม้อื่น ๆ ก็มีสารอาหารสำคัญมากมายเช่นกัน ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน

การดูแลผิวภายนอก

  • สารกันแดด: นี่คือหัวใจสำคัญของการป้องกันริ้วรอย ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้ในวันที่อากาศครึ้ม
  • มอยส์เจอร์ไรเซอร์: เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอ ผิวที่ชุ่มชื้นจะดูอิ่มเอิบและริ้วรอยดูจางลง
  • เรตินอยด์ (Retinoids): เป็นสารที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเลือนริ้วรอยได้จริง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้
  • สารต้านอนุมูลอิสระเฉพาะที่: ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามิน C, วิตามิน E, หรือสารสกัดจากชาเขียว ก็สามารถช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระได้

วิถีชีวิต

  • การออกกำลังกาย: ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี นำพาสารอาหารไปเลี้ยงผิวได้อย่างทั่วถึง
  • การจัดการความเครียด: หาวิธีผ่อนคลายความเครียดที่เหมาะสม เช่น โยคะ, ทำสมาธิ, หรือการทำกิจกรรมที่ชอบ
  • งดพฤติกรรมทำร้ายผิว: เลิกสูบบุหรี่ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการนอนดึกเป็นประจำ
  • นอนหลับให้เพียงพอ: ให้ร่างกายและผิวได้ฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับริ้วรอยหรือปัญหาสุขภาพผิวอื่น ๆ การปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ/ครับ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการเฉพาะบุคคล

บทสรุป

ในที่สุด คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า “เมล็ดองุ่นและอะโวคาโดช่วยลดริ้วรอยได้จริงหรือไม่” ก็คือ ทั้งสองอย่างมีสารอาหารและสารออกฤทธิ์ที่มีคุณประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพผิวโดยรวม และอาจช่วย “ชะลอ” หรือ “ป้องกัน” การเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ ด้วยคุณสมบัติการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านการอักเสบ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทางออกเดียวหรือทางออกหลักในการลบเลือนริ้วรอยที่เกิดขึ้นแล้วได้อย่างมหัศจรรย์

การมีผิวที่อ่อนเยาว์และสุขภาพดีอย่างยั่งยืนนั้น เกิดจากการดูแลเอาใจใส่แบบองค์รวม ทั้งจากภายในด้วยโภชนาการที่ดี การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย รวมถึงเมล็ดองุ่นและอะโวคาโด และจากภายนอกด้วยการปกป้อง บำรุงผิวอย่างเหมาะสม และที่สำคัญที่สุดคือการใช้ชีวิตประจำวันด้วยพฤติกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพ

ดังนั้น การลงทุนในสุขภาพโดยรวม ทั้งกายและใจ คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในการสร้างสรรค์ผิวที่สวยงามเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอกค่ะ/ครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจให้คุณผู้อ่านทุกคนดูแลตัวเองเพื่อผิวที่สุขภาพดีในระยะยาวนะคะ/ครับ!

Sale!

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

Cbrella NATURAL EXTRACTS CREAM-TO-FILM SUNSCREEN

Original price was: 490.00฿.Current price is: 470.00฿.
Sale!
Original price was: 690.00฿.Current price is: 490.00฿.
footer_button_brown_point
footer_button_brown_buy
footer_button_brown_consult